ปรึกษาแพทย์ และจองคิวปี 2024 ได้เลยตอนนี้! 064-6969693 | 11:00 - 19:00น.

Tel Line Messenger
เสริมจมูก

ก่อนเสริมจมูก ต้องรู้! เสริมแบบไหนให้ปัง ไม่โป๊ะ!

หมอป๊อบ

หมอป๊อบ

18 มกราคม 22

ก่อนเสริมจมูก ต้องรู้! เสริมแบบไหนให้ปัง ไม่โป๊ะ!

การเสริมจมูกคืออะไร?

การเสริมจมูกนับเป็นการศัลยกรรมที่ได้รับความนิยมมายาวนาน อีกทั้งจมูกยังเป็นอวัยวะอันดับแรกๆ ที่คนส่วนใหญ่เลือกทำศัลยกรรมอีกด้วย 

การเสริมจมูก (Rhinoplasty) คือ การผ่าตัดตกแต่งจมูก ซึ่งเน้นแก้ไขปัญหา และปรับแต่งรูปทรงจมูกให้เหมาะกับโครงหน้า พร้อมตอบโจทย์ความต้องการของคนไข้แต่ละคนมากที่สุด โดยปัญหาที่พบเจอได้บ่อยครั้ง ได้แก่ จมูกเล็ก ดั้งแบน เชิด จมูกทรงชมพู่ และจมูกสั้น เป็นต้น ดังนั้น การเสริมจมูกแต่ละครั้ง จึงต้องเลือกใช้เทคนิคและวัสดุที่แตกต่างกันออกไป

ซิลิโคนเสริมจมูกมีกี่แบบ?

ปัจจุบันมีวัสดุเพื่อเสริมจมูกให้เลือกมากมาย โดยสามารถเลือกใช้ให้ตรงกับปัญหา ความเหมาะสมของรูปทรง และการวินิจฉัยของแพทย์ รวมไปถึงความชอบส่วนตัวของคนไข้แต่ละคนอีกด้วย

    • ซิลิโคนเสริมจมูก (Implant grade) มีความบริสุทธิ์สูง สามารถอยู่ในร่างกายได้ตลอดชีวิต เป็นซิลิโคนมาตรฐานพิเศษ เนื้อซิลิโคนจะเนียนละเอียด มีสีขาว นิ่มปานกลาง คุณภาพดี และมีความปลอดภัยสูง มีให้เลือกทั้งแบบสำเร็จรูป และแบบเหลาเอง

ซิลิโคนเสริมจมูกแบบสำเร็จรูป

จะได้รูปทรงที่แน่นอน มีโอกาสที่จะเบี้ยว หรือเอียงน้อย แต่ในทางกลับกัน แพทย์ก็จะสามารถปรับแต่งรูปทรงได้เพียงเล็กน้อยเช่นกัน ดังนั้น ซิลิโคนเสริมจมูกแบบสำเร็จรูป จึงอาจไม่เหมาะสำหรับทุกคน

    • ซิลิโคนแมนทิส (Mantis Silicone) นิยมเรียกว่า ซิลิโคนทรงตั๊กแตน เป็นซิลิโคนสำเร็จรูปที่เป็น Implant Grade ออกแบบให้มีปีกทั้งสองข้างสำหรับครอบสันจมูกไว้ ช่วยลดปัญหาจมูกเบี้ยว เอียง ทะลุ มีขอบแกนบาง และปรับแต่งรูปทรงได้ง่าย เหมาะกับการเสริมจมูกทรงธรรมชาติ
    • ซิลิโคนบาร์บี้ (Barbie Silicone) หรือเสริมจมูกทรงบาร์บี้ มีสันค่อนข้างกว้าง สโลป แต่ไม่โด่งมาก เหมาะสำหรับคนที่มีโครงสร้างจมูกดีอยู่แล้ว แต่ต้องการเพิ่มความโด่งขึ้นเล็กน้อย 
    • ซิลิโคนบราว (Brown Silicone) รูปทรงคล้ายกับทรงแมนทิสผสมทรงบาร์บี้ คือ โด่งคล้ายแมนทิส แต่สันจมูกสโลปคล้ายบาร์บี้ เนื้อซิลิโคนมีสีออกน้ำตาล จึงเหมาะสำหรับผู้ที่มีเนื้อจมูกน้อยหรือผิวบาง เพราะเมื่อแสงตกกระทบจะไม่เห็นซิลิโคนสะท้อนแสงชัดเจน
    • ซิลิโคนซินเดอเรลล่า (Cinderella Silicone) หรือเสริมจมูกทรงเจ้าหญิง มีรูปทรงคล้ายทรงบาร์บี้ แต่เนื้อฐานซิลิโคนตรงสันจมูกจะค่อนข้างหนา เหมาะสำหรับคนที่มีโครงสร้างจมูกค่อนข้างแบนราบ

ซิลิโคนเสริมจมูกแบบเหลาเอง

แพทย์จะต้องนำมาเหลาขึ้นรูปเอง ทำให้สามารถปรับแต่งให้เข้ากับแต่ละเคสได้ง่าย แต่ต้องใช้ระยะเวลานานกว่า และจะต้องทำโดยแพทย์ผู้ชำนาญการเท่านั้น เพราะมีโอกาสเสี่ยงที่จะทำให้จมูกเบี้ยวได้ สามารถแบ่งออกได้ 4 ชนิด ได้แก่ แข็ง (Hard) แข็งปานกลาง (Medium) นุ่ม (Soft) และนุ่มมาก (Ultra Soft)

    • e-PTFE Gortex วัสดุที่ใช้ในทางการแพทย์ มีลักษณะเป็นรูพรุน ทำให้เนื้อเยื่อร่างกายสามารถงอกแทรกไปตามรูพรุนจนดูเป็นเนื้อเดียวกันกับร่างกาย โดยปัจจุบันถูกพัฒนานำมาใช้เป็นวัสดุทำจมูก และเสริมหน้าผาก เพื่อให้เนื้อเยื่อแทรกเข้าไปในวัสดุนี้ ดูเป็นเนื้อเดียวกันกับร่างกาย ซึ่งจะดูเป็นเสริมจมูกธรรมชาติ จมูกไม่เป็นเงา ไม่มีร่อง และไม่รัดแกน แต่จะมีความซับซ้อน และความยากระหว่างทำศัลยกรรม อีกทั้งยังเป็นวัสดุที่มีราคาแพงอีกด้วย
    • เนื้อเยื่อเทียม (Acellular dermal matrix) วัสดุที่ใช้ในการเสริมปลายจมูก และสันจมูก เหมาะสมสำหรับเคสที่ไม่ต้องการที่จะใช้กระดูกอ่อนของตนเอง โดยเนื้อเยื่อเทียมสามารถประยุกต์ใช้ในการรองปลาย แทนกระดูกอ่อนหรือซิลิโคนให้ปลายจมูกดูเป็นธรรมชาติ เนื้อเยื่อเทียมมีความปลอดภัยสูง มีความเสี่ยงต่อการติดเชื้อและมีโอกาสเกิดภาวะแทรกซ้อนต่ำ
    • กระดูกอ่อนหลังหู กระดูกอ่อนซี่โครง กระดูกอ่อนในโพรงจมูก กระดูกแข็งเยื่อหุ้ม หรือกล้ามเนื้อ (fascia) จากบริเวณต่างๆ รวมถึงการใช้ไขมัน และผิวหนังติดไขมัน (dermal fat graft) ของคนไข้เอง เป็นต้น

 

ทรงเสริมจมูกยอดฮิต

ก่อนเสริมจมูก ต้องรู้! เสริมแบบไหนให้ปัง ไม่โป๊ะ!
  1. เสริมจมูกทรงธรรมชาติ
  2. เสริมจมูกทรงเกาหลี
  3. เสริมจมูกทรงเจ้าหญิง
  4. เสริมจมูกทรงบาร์บี้
  5. เสริมจมูกทรงหยดน้ำ

เสริมจมูกกระดูกหลังหูคืออะไร? 

เสริมจมูกกระดูกหลังหู เป็นการใช้วัสดุที่มีความปลอดภัยสูง เสี่ยงต่อการเกิดอาการแพ้ได้น้อยเพราะมาจากร่างกายของคนไข้เอง แต่มีราคาที่สูงกว่าการเสริมจมูกด้วยซิลิโคน โดยกระดูกที่ใช้ คือ กระดูกอ่อนที่อยู่บริเวณหลังหูส่วนแอ่งของใบหู (Concha) มีขนาดประมาณ 2 เซนติเมตร ซึ่งแพทย์จะนำไปเย็บติดกับปลายซิลิโคนที่ใช้ในการเสริมจมูก เพื่อช่วยรองปลายจมูก ป้องกันการทะลุ และช่วยเพิ่มความยาวของปลายจมูก หรือ อาจนำมาใช้เสริมจมูกบางส่วนบริเวณสันจมูก เหมาะสำหรับคนไข้ที่ไม่ต้องการเสริมด้วยซิลิโคน และต้องการเสริมในปริมาณไม่มาก ไม่เน้นโด่ง

ก่อนเสริมจมูก ต้องรู้! เสริมแบบไหนให้ปัง ไม่โป๊ะ!

เสริมจมูกด้วยกระดูกอ่อนหลังหูกับเนื้อเยื่อเทียม แตกต่างกันอย่างไร? 

  • เสริมจมูกด้วยกระดูกอ่อนหลังหู 

การเสริมจมูกแบบนี้ จำเป็นจะต้องมีการผ่าตัดสองบริเวณ คือ การผ่าตัดบริเวณจมูก และการผ่าตัดบริเวณใบหู โดยการผ่าตัดบริเวณใบหูจะเป็นเพียงการผ่าตัดขนาดเล็ก เพื่อนำกระดูกอ่อนบริเวณแอ่นโค้งของใบหูออกมาเล็กน้อย จึงไม่ส่งผลหรือทำให้รูปร่างของใบหูผิดแปลกไปจากเดิม ซึ่งแผลจะซ่อนอยู่บริเวณรอยพับหลังใบหู จึงทำให้มองเห็นได้ยาก หลังจากนั้นจะทำการผ่าตัดเสริมจมูก และนำกระดูกอ่อนหลังใบหูมาปรับแต่งให้พอดี เพื่อใช้ประกอบเข้ากับซิลิโคน จนได้รูปทรงจมูกที่สวยงามตามความต้องการของคนไข้

 

  • เสริมจมูกด้วยเนื้อเยื่อเทียม

การเสริมจมูกด้วยเนื้อเยื่อเทียมจะแตกต่างจากการเสริมจมูกด้วยซิลิโคน เพราะจะมีการผ่าตัดเพียงครั้งเดียวเท่านั้น คือ ผ่าตัดเพื่อเสริมจมูก ทำให้คนไข้เจ็บตัวน้อยกว่า โดยวัสดุที่ใช้ คือ วัสดุที่สังเคราะห์ขึ้นสำหรับใช้เสริมปลายจมูก และกระตุ้นการสร้างเนื้อเยื่อ เหมาะจะใช้ในเคสที่คนไข้มีผิวค่อนข้างบางหรือเนื้อจมูกน้อย ช่วยป้องกันผิวหนังทะลุได้ดี แต่มีราคาค่อนข้างสูง ซึ่งความแตกต่างของทั้งสองวัสดุนี้คือ กระดูกอ่อนหลังหูเป็นวัสดุจากตัวเราเอง จึงมีโอกาสแพ้น้อยมาก และดูเป็นธรรมชาติ ส่วนเนื้อเยื่อเทียมเป็นวัสดุทางการแพทย์ที่สังเคราะห์ขึ้นใช้ทดแทนกระดูกอ่อนหลังหู มีงานวิจัยรองรับมากมาย จึงมีโอกาสแพ้น้อย และมีความปลอดภัยสูงไม่แพ้กัน

ก่อนเสริมจมูก ต้องรู้! เสริมแบบไหนให้ปัง ไม่โป๊ะ!

เทคนิคพิเศษ เย็บจมูกแบบอินเตอร์โดม

เทคนิคการเย็บกระดูกอ่อนส่วนปลายจมูกเข้าหากัน ทำให้ปลายจมูกยกขึ้น ช่วยให้ปลายจมูกดูเล็กลง ช่วยปรับมิติใบหน้า และยังเป็นฐานเสริมซิลิโคนปลายหยดน้ำได้ เหมาะกับคนที่มีปลายจมูกชมพู่ หรือปลายจมูกใหญ่ ซึ่งต้องทำโดยแพทย์ที่มีความเชี่ยวชาญ เพราะหากเกิดข้อผิดพลาด อาจส่งผลให้รูจมูกไม่เท่ากัน  หรือทำให้ปลายจมูกบิดเบี้ยวได้

ก่อนเสริมจมูก ต้องรู้! เสริมแบบไหนให้ปัง ไม่โป๊ะ!

ใครบ้างที่เหมาะกับการเย็บจมูกแบบอินเตอร์โดม

    • คนที่ปลายจมูกกว้าง จมูกใหญ่ จมูกบาน จมูกชมพู่
    • คนที่ปลายจมูกไม่สมดุลกับสันจมูก
    • คนที่อยากเสริมปลายจมูกให้เชิดขึ้น หรือเป็นทรงหยดน้ำ
    • คนที่เคยเสริมจมูกมาแล้วมีปัญหาปลายจมูกบาง หรือเสี่ยงซิลิโคนทะลุ

ขั้นตอนการเย็บอินเตอร์โดม

  • เปิดแผลทั้งสองข้าง เพื่อที่สามารถเห็นตัวกระดูกอ่อนส่วนปลาย

  • เย็บตัวกระดูกอ่อนส่วนปลายจมูก ทั้งสองข้างเข้าหากัน

  • เสริมซิลิโคนวางด้านบน จะทำให้ตัวปลายจมูกยกขึ้น รวมถึงปลายจมูกเล็กลง

 

การเย็บแบบอินเตอร์โดมกับตัดปีกจมูก เหมือนกันไหม?

ทั้งสองอย่างนี้ไม่เหมือนกัน  โดยการเย็บอินเตอร์โดมจะทำให้จมูกของเราดู พุ่ง เชิด และเป็นทรงมากขึ้น ส่วนการตัดปีกจมูก คือการตัดส่วนเกินของปีกจมูกออก ให้ปลายจมูกดูเล็ก และแคบลง จึงเหมาะกับคนที่มีปัญหาจมูกบาน

 

จมูกสั้นเนื้อน้อย เสริมแล้วทะลุมั้ย? 

หากเป็นเมื่อก่อนคนที่มีเนื้อจมูกน้อย หรือจมูกสั้น อาจจะมีความเสี่ยงที่เสริมจมูกแล้ว มีโอกาสทะลุได้ง่ายกว่าคนอื่นๆ โดยสามารถเช็กจมูกตัวเองได้ง่ายๆ เพียงแค่ลองดึงเนื้อจมูกบริเวณสันขึ้นมา ถ้าดึงแล้วเนื้อยืดขึ้นมาได้เยอะ แสดงว่าเป็นคนเนื้อจมูกเยอะ แต่ถ้าดึงแล้ว เนื้อยืดขึ้นมาได้น้อย หรือ ดึงออกมาไม่ได้เลย แสดงว่าเป็นคนเนื้อจมูกน้อย 

โดยในปัจจุบัน ความกังวลกับปัญหาเหล่านี้ก็ลดน้อยลงมาก เพราะมีเทคนิคใหม่ๆ มากมายที่จะช่วยให้คนที่มีจมูกสั้นและเนื้อจมูกน้อย สามารถเสริมจมูกให้โด่งสวยได้ เหมือนกับคนที่มีจมูกทรงอื่นโดยไม่ต้องกลัวการทะลุ

    • การเสริมจมูกแบบปิด และใช้กระดูกอ่อนหลังหู

เป็นการใช้กระดูกหลังหูเสริมเข้าไปพร้อมกับซิลิโคน เพื่อช่วยเพิ่มความโด่งและช่วยรองปลายจมูกให้แข็งแรงขึ้น โดยคุณหมอจะตัดเอากระดูกอ่อนชิ้นเล็กๆ บริเวณหลังใบหูออกมาใช้ เทคนิคนี้จะทำให้ได้ปลายจมูกที่พุ่งสวย ปลอดภัย และไม่เสี่ยงทะลุ

 

    • การเสริมจมูกแบบเปิด และใช้วัสดุรองปลาย

สำหรับเคสที่ต้องแก้ไขโครงสร้างจมูกและเสริมซิลิโคน คุณหมอก็จะเลือกใช้การเสริมจมูกแบบเปิด หรือแบบ Open โดยการผ่าตัดเปิดตรงฐานจมูก เพื่อให้เห็นโครงสร้างกระดูกภายในของจมูก จากนั้นจึงใส่ซิลิโคนที่มีขนาดตามความเหมาะสม และปรับแก้ปลายจมูกใหม่โดยอาจจะใช้กระดูกอ่อนหลังหู กระดูกซี่โครง กระดูกผนังกั้นจมูก หรือวัสดุอื่นๆ มาเป็นตัวช่วย วิธีนี้จะทำให้ได้ปลายจมูกที่ยาว พุ่งสวยมากขึ้น และยังเหมาะกับเคสเนื้อจมูกน้อยทุกเคสอีกด้วย

 

    • การยืดผนังกั้นจมูก

การยืดผนังกั้นจมูก หรือที่เรียกสั้นๆ ว่า SEG (Septal Extension Graft) เป็นหนึ่งในเทคนิคการเสริมจมูกแบบเปิดเพื่อปรับแก้โครงสร้าง โดยผนังกั้นจมูกก็คือกระดูกอ่อนที่แบ่งรูจมูกของเราออกเป็น 2 ข้าง ซึ่งสามารถนำกระดูกอ่อนในส่วนอื่นๆ เช่น กระดูกอ่อนหลังหู ซี่โครง หรือผนังกั้นจมูกด้านใน มาเย็บเสริมเพื่อยืดผนังกั้นจมูกเดิม และทำให้ปลายจมูกดูยาวขึ้นได้ เทคนิคนี้เหมาะกับคนที่ไม่ต้องการเสริมซิลิโคนทั้งแท่ง และอยากเสริมเฉพาะปลายจมูกให้พุ่งขึ้นเท่านั้น

 

    • การเย็บอินเตอร์โดม

Interdomal suture หรือ การเย็บอินเตอร์โดม คือการเย็บกระดูกอ่อนปลายจมูกทั้งสองข้างเข้าหากัน เพื่อให้ปลายจมูกที่บานออกนั้นดูเรียวพุ่งขึ้น เทคนิคนี้เหมาะมากกับคนที่มีปลายจมูกบาน ใหญ่ หรือปลายจมูกชมพู่ ซึ่งในกรณีที่มีเนื้อจมูกน้อยด้วย คุณหมอก็มักจะใช้กระดูกอ่อนหรือวัสดุสังเคราะห์มาเสริมที่ปลายร่วมด้วย อีกทั้งการเย็บอินเตอร์โดมหลังเสริมจมูกยังช่วยยืดช่องว่างระหว่างกระดูกกับผิวหนัง ทำให้ปลายจมูกไม่ตึงเกินไป และช่วยป้องกันไม่ให้ซิลิโคนทะลุออกมาอีกด้วย

ก่อนเสริมจมูก ต้องรู้! เสริมแบบไหนให้ปัง ไม่โป๊ะ!

ทรงแบบไหนเสริมแล้วดูเป็นธรรมชาติ

แต่ละทรงจมูกมีความสวยงาม และความเหมาะสมที่แตกต่างกันตามโครงหน้าของแต่ละคน โดยส่วนใหญ่การออกแบบจมูกให้เหมาะสมกับรูปหน้าจะยึดหลักที่ผสมผสานทั้งศาสตร์และศิลป์ เพื่อให้ดูเป็นการเสริมจมูกธรรมชาติมากที่สุด ได้แก่…

    • สัดส่วน Golden Ratio 1 : 1 : 0.8-1

คำนวนจากความยาวของหัวคิ้วถึงฐานจมูก = ความยาวไรผมถึงหัวคิ้ว = ความยาวฐานจมูกถึงปลายคาง

    • องศาที่สวยงามและอ่อนหวาน

โดยบริเวณสันจมูก ควรทำมุมกับหน้าผาก 120-140° ถ้ามากเกินหรือสันจมูกสูงมาตั้งแต่หัวคิ้วไม่มีสโลปจะทำให้ดูแข็งทื่อ หรือองศาน้อยเกินสันจมูกจะเตี้ยไม่สวยงาม และให้องศาปลายจมูกกับริมฝีปาก 95-110° เพราะหากน้อยเกินไปจะทำให้จมูกดูงุ้ม หรือมากเกินไปจะทำให้จมูกเชิด

    • ความกว้างของปีกจมูก ไม่ควรเกินหัวตา โดยความสูงของปลายจมูก ควรมีความสูงรับกับส่วนอื่นๆ ของใบหน้า

 

การเตรียมตัวก่อนทำจมูก  

    • แจ้งโรคประจำตัว ประวัติการแพ้ยาหรือยาที่รับประทานอยู่เป็นประจำ
    • งดสูบบุหรี่, งดเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ทุกชนิด อย่างน้อยก่อนทำศํลยกรรม 1 สัปดาห์
    • งดยาแก้ปวด ลดกล้ามเนื้ออักเสบ ก่อนผ่าตัด เช่น ยากลุ่มแอสไพริน (Aspirin) หรือ ไอบิวโพรเฟน (Ibuprofen) เพื่อลดอาการฟกช้ำจากเลือดคั่งหลังผ่าตัด แต่กรณีที่จำเป็นต้องใช้ แนะนำให้ใช้ยาพาราเซตามอลในการบรรเทาอาการปวดเท่านั้น
    • ควรงดวิตามิน น้ำมันตับปลา อาหารเสริมต่าง ๆ ทุกชนิด
    • งดของแสลงจำพวกของดอง น้ำอัดลมรวมถึงอาหารทะเล หากสามารถงดได้ล่วงหน้า แนะนำให้งด
    • งดอาหารและน้ำ อย่างน้อย 8 ชั่วโมง หากต้องดมยาสลบ
    • ทานอาหารเบาๆ ก่อนเวลาผ่าตัดช่วง 4 – 6 ชั่วโมงหากไม่ดมยาสลบ
    • งดแต่งหน้า ล้างหน้าและแคะจมูกให้สะอาด

วิธีดูแลหลังทำจมูก 

    • การดูแลตัวเองหลังทำจมูก แนะนำให้รับประทานยาตามที่แพทย์สั่ง โดยหลังการผ่าตัดแพทย์จะสั่งยาลดอาการบวมให้ทานยาจนครบ เพื่อลดอาการบวมและอาการอักเสบที่อาจจะเกิดขึ้น หากมีประวัติแพ้ยาชนิดใด ควรรีบแจ้งแพทย์ก่อนเข้ารับการผ่าตัด

    • หมั่นประคบเย็นในบริเวณข้างแก้ม และหน้าผาก โดยการประคบเย็นจะช่วยให้อาการบวมหลังผ่าตัดดีขึ้น วิธีประคบเย็นที่ถูกต้อง คือวางเจลเย็นหรือผ้าเย็นบริเวณข้างแก้มทั้ง 2 ข้าง และบริเวณหน้าผาก ซึ่งไม่ควรลงน้ำหนักมือมากเกินไปเนื่องจากจะทำให้เกิดอาการช้ำได้ และห้ามกดทับบริเวณจมูกเพราะอาจทำให้ซิลิโคนไม่เข้าที่หรือผิดรูป

    • ใช้สำลีชุบน้ำสะอาด เช็ดทำความสะอาด และงดแต่งหน้าเป็นเวลา 7 วัน โดยช่วง 7 วันแรกหลังการผ่าตัด แนะนำให้ใช้สำลีชุบน้ำสะอาด หรือน้ำเกลือเช็ดทำความสะอาด อย่าให้แผลโดนน้ำ เพราะอาจทำให้แผลหายช้า ส่วนคนผิวมันอาจจะใช้คลีนซิ่งสำหรับคนผิวมันเช็ดทำความสะอาดเพื่อลดแบคทีเรียบนใบหน้าร่วมด้วยได้

    • ใช้หมอนรองคอ เลี่ยงการนอนราบหรือตะแคง ซึ่งการใช้หมอนรองคอจะช่วยประคองรูปทรงของจมูกไม่ให้บิดเบี้ยวหรือเอียงไปทางใดทางหนึ่ง หากนอนหงายอาจจะทำให้เลือดไหลย้อนไปคั่งบริเวณดวงตาได้ ส่วนการนอนตะแคงอาจทำให้จมูกเสียทรง

    • งดของหมักดอง ไข่ไก่ อาหารทะเล และแอลกอฮอล์เป็นเวลาอย่างต่ำ 1 เดือน หากเป็นไปได้ควรจะต้องงดของหมักดองทุกชนิด รวมไปถึงการงดไข่ไก่ และแอลกอฮอล์ทุกชนิด เพราะไม่เช่นนั้น อาจทำให้ติดเชื้อ ทางที่ดีควรเลือกทานอาหารอ่อนๆ ก่อนประมาณ 2 อาทิตย์ถึง 1 เดือน เพื่อความปลอดภัย

    • หลีกเลี่ยงการยกของหนัก หรือการทำให้จมูกได้รับการกระทบกระเทือน โดยเฉพาะใน 1 เดือนแรก พยายามเลี่ยงการยกของหนัก และระวังอย่าให้เกิดการกระทบกระเทือน หรือเกิดการกระแทกเด็ดขาด เพราะอาจทำให้จมูกผิดรูปได้

    • หมั่นเช็ดทำความสะอาดแผลด้วยคอตตอนบัดหลังตัดไหม อย่างเบามือ และระมัดระวังมากที่สุด

การเสริมจมูกใต้เยื่อหุ้มกระดูกเป็นอย่างไร?

เทคนิคการเสริมจมูกใต้เยื่อหุ้มกระดูก เพื่อยึดส่วนโคนของซิลิโคนให้อยู่กับที่ และเพื่อให้เนียนเรียบไร้รอยขอบหรือรอยต่อบริเวณช่วงระหว่างหัวตา โดยจะต้องทำการเลาะเยื่อหุ้มกระดูกให้ลอยขึ้น ก่อนจะทำการสอดซิลิโคนเข้าไปข้างใต้ วิธีเสริมจมูกใต้เยื่อหุ้มกระดูก จะเป็นการอาศัยเยื่อหุ้มกระดูก ที่มีลักษณะเป็นเยื่อหุ้มบาง ๆ ยึดติดกับกระดูกเป็นตัวรัดซิลิโคน ทำให้แกนซิลิโคนไม่ขยับไปมา ดูสวยเป็นธรรมชาติ ไม่ทิ้งขอบ ไม่เห็นแท่ง และช่วยลดโอกาสจมูกเบี้ยว จึงนอนตะแคง และใส่แว่นได้เลย

ฉีดฟิลเลอร์มาก่อน สามารถทำจมูกได้ไหม?

ฟิลเลอร์คือสารเติมเต็มชนิดหนึ่ง ที่ช่วยเติมเต็มส่วนต่างๆ เพื่อให้ส่วนนั้นแลดูเต็มขึ้น เต่งตึง เอิบอิ่ม และมีน้ำมีนวลขึ้น ซึ่งคนที่เคยฉีดฟิลเลอร์มาก่อนสามารถทำจมูกได้ โดยจะต้องขูดเอาฟิลเลอร์เก่าออกให้หมดก่อน จึงจะเสริมใหม่ด้วยซิลิโคนได้ โดยทางคนไข้ควรให้ข้อมูลตามความจริงกับคุณหมอ ดังนี้

ก่อนเสริมจมูก ต้องรู้! เสริมแบบไหนให้ปัง ไม่โป๊ะ!
  1. ยี่ห้อของฟิลเลอร์ 

หากเป็นฟิลเลอร์ที่ถูกกฏหมาย ผ่าน อย. ไทย มักไม่ค่อยพบปัญหาเพราะมียาที่สามารถฉีดสลายก่อนผ่าตัดเสริมจมูกได้ แต่ในปัจจุบัน มีฟิลเลอร์ปลอมที่นำมาหลอกลวงผู้บริโภค และที่พบบ่อยคือ นำสารที่ผิดกฏหมายมาฉีดแทน เช่น ซิลิโคนเหลว เป็นต้น ซึ่งสารเหล่านี้จะไม่สามารถสลายไปเอง บางครั้งมีอาการอักเสบ และบวมแดงร่วมด้วย ซึ่งการรักษาจะยากมาก ต้องผ่าตัดขูดเอาสารซิลิโคนเหลวเหล่านี้ออกก่อน จึงจะเสริมจมูกได้

 

  1. ระยะเวลาที่ฉีด (ฉีดมานานแค่ไหน) 

โดยส่วนใหญ่แล้ว ฟิลเลอร์จะอยู่ได้นานเท่าไรขึ้นอยู่กับชนิดของฟิลเลอร์ที่ฉีดเข้าไปและการดูแลตัวเองของคนไข้แต่ละคน ซึ่งฟิลเลอร์ชนิดที่นิยมนำมาฉีดที่จมูก มักอยู่ได้นานประมาณ 6-9 เดือนจึงจะสลายหมด

 

แต่ถึงอย่างนั้นแนะนำว่าไม่ควรไปฉีดฟิลเลอร์แทนการเสริมจมูกด้วยซิลิโคน เพราะตัวอนุภาคของฟิลเลอร์สามารถเข้าไปอุดตันในหลอดเลือดได้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับบริเวณจมูกที่มีแขนงเส้นเลือดมากมายเชื่อมต่อกันระหว่างประสาทตา จึงมีความเสี่ยงและอาจทำให้เกิดผลข้างเคียงที่ร้ายแรงขึ้นได้ ดังนั้น การผ่าตัดเสริมจมูกด้วยซิลิโคนจึงเป็นทางเลือกที่เหมาะสมและปลอดภัยมากกว่า

จมูกเบี้ยว เอียง เสี่ยงทะลุ แก้ได้! 

การที่จมูกเบี้ยวเอียง อาจเกิดได้จากฐานจมูกเดิมคดเอียงอยู่แล้ว เมื่อวางซิลิโคนเข้าไปแล้วก็จะทำให้ซิลิโคนเอียงตามฐานเดิม หรืออาจเกิดจากกระดูกบริเวณส่วนกลางมีโหนกนูนขึ้นมา เมื่อวางแท่งซิลิโคนเข้าไปแล้ว ทำให้ซิลิโคนเลื่อนไปด้านหลัง และเอียงในที่สุด นอกจากนี้หากแพทย์ที่ไม่ชำนาญมากพอ ก็อาจตกแต่งซิลิโคนที่ยาวเกินพอดี จนทำให้เกิดอาการเอียงไปด้านใดด้านหนึ่ง หรือบางรายอาจจะเกิดปัญหาซิลิโคนทะลุได้

 

หากใครที่ต้องการจะแก้จมูก แนะนำให้ปรึกษากับคลินิกและทีมแพทย์ที่มีความเชี่ยวชาญในการวิเคราะห์โครงสร้างใบหน้าและจมูก เพื่อทำการแก้ไขปัญหาได้อย่างตรงจุด ครั้งเดียวจบ ไม่ต้องเจ็บตัวแก้จมูกอีกหลายๆ รอบ ซึ่งในปัจจุบันมีทั้งเทคนิคการแก้ไขจมูกแบบ Closed และเทคนิคแบบ Open ขึ้นอยู่กับความต้องการของคนไข้ และดุลยพินิจของแพทย์ในแต่ละปัญหาที่ต้องแก้ไข

ทำจมูกที่ไหนดี? ทำไมต้อง Ve’anna Clinic

จมูกนับเป็นจุดโดดเด่นบนใบหน้าที่สามารถดึงดูดสายตาของคู่สนทนาได้เสมอ ฉะนั้นหากต้องการที่จะเสริมจมูกแล้ว ก็ควรที่จะเลือกคลินิกที่น่าเชื่อถือ  ศัลยแพทย์ที่ชำนาญ และใส่ใจทุกเคสจริงๆ อย่างที่ Ve’anna Clinic เพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่ดีที่สุด ด้วยเทคนิคพิเศษอย่างการวางซิลิโคนใต้เยื่อหุ้มกระดูก ช่วยให้ได้ทรงจมูกที่สวย เนียน ไร้รอยต่อ โด่งสวยแบบเป็นธรรมชาติ ซึ่งหมอป๊อปดูแลเองทุกเคส ใส่ใจอย่างละเอียดตั้งแต่การวิเคราะห์โครงหน้าก่อนทำการผ่าตัด ไปจนถึงการดูแลหลังทำการผ่าตัด อีกทั้งทำจมูกที่ Ve’anna Clinic ยังบวมน้อย ช้ำน้อย พักฟื้นเร็ว แผลเล็ก ปลอดภัย ดูแลทำความสะอาดง่าย เรียกได้ว่าทำจมูก สวยครั้งเดียวจบ

 

สนใจสอบถามข้อมูล หรือขอดูภาพรีวิวเพิ่มเติม สามารถติดต่อ Ve’anna Clinic ผ่านช่องทางออนไลน์ได้ที่ Facebook, Instagram และ LINE OA หรือโทร. 064-696-9693

Review ลูกสาวเสริมจมูกกับหมอป๊อป ที่ Ve’anna Clinic

สอบถามข้อมูลเพิ่มเติม

Ve’anna Clinic

115/7 ซอยรัชดา 32 (เข้าซอยรัชดา 36 แยก 19-1) ถนนรัชดาภิเษก แขวงจันทรเกษม เขตจตุจักร กรุงเทพมหานคร 10900


วิธีเดินทางมาที่ Ve’anna Clinic

1. เดินทางโดยรถไฟฟ้า (BTS)
  • สามารถนั่งรถไฟฟ้า BTS มาลงที่สถานีพหลโยธิน 24 ทางออกที่ 1
  • ต่อวินมอเตอร์ไซค์จาก BTS มาที่ซอยรัชดาภิเษก 32
  • นั่งวินมอเตอร์ไซค์เข้ามาภายในซอยรัชดาภิเษก 32 จนถึงซอยบ้านเทพ (รัชดา 36 แยก 19-1) มีจุดสังเกตเป็นป้าย “ซอยบ้านเทพ” และมีร้านสะดวกซื้อ 7-11 (สาขารัชดา 36 แยก 19) อยู่บริเวณปากซอย
  • เข้าซอยบ้านเทพ (รัชดา 36 แยก 19-1) คลินิกตั้งอยู่ในโครงการ the quartier รัชดา 32 เยื้องกับโรงแรม RICO

  • 2. เดินทางโดยไฟฟ้าใต้ดิน (MRT)
  • สามารถนั่งรถไฟฟ้าใต้ดิน (MRT) มาลงที่สถานีลาดพร้าว ทางออกที่ 4
  • ต่อวินมอเตอร์ไซค์จาก MRT แจ้งจุดหมายปลายทางกับวินมอเตอร์ไซค์ว่า “มาที่ซอยบ้านเทพ” (รัชดา 36 แยก 19-1) มีจุดสังเกตเป็นป้าย “ซอยบ้านเทพ” และมีร้านสะดวกซื้อ 7-11 (สาขารัชดา 36 แยก 19) อยู่บริเวณปากซอย
  • เข้าซอยบ้านเทพ (รัชดา 36 แยก 19-1) คลินิกตั้งอยู่ในโครงการ the quartier รัชดา 32 เยื้องกับโรงแรม RICO

  • 3. เดินทางด้วยรถส่วนตัว (มีที่จอดรถ)
  • คลินิกอยู่ในซอย รัชดาภิเษก 32 ตรงข้ามศาลอาญา
  • ตรงเข้าซอย รัชดาภิเษก 32 ขับตรงมาจนถึงซอยบ้านเทพ (รัชดา 36 แยก 19-1) มีจุดสังเกตเป็นป้าย “ซอยบ้านเทพ” และมีร้านสะดวกซื้อ 7-11 (สาขารัชดา 36 แยก 19) อยู่บริเวณปากซอย
  • เข้าซอยบ้านเทพ (รัชดา 36 แยก 19-1) คลินิกตั้งอยู่ในโครงการ the quartier รัชดา 32 เยื้องกับโรงแรม RICO